“เบิร์ด? อาร์ม? ทำไมพวกแกเอาคำอะไรพวกนี้มาตั้งชื่อกันวะ ประหลาดชิบห…” ชอว์นพูดขึ้นมาเป็นคนแรก ในขณะที่ทุกคนกำลังยืนงงกันอยู่ แต่แล้วเขาก็กลืนคำพูดลงคอไป เมื่อหันไปสบตากับยีนส์ หนึ่งในขบวนการ พิ้งค์ ยีนส์ ฮีโร่ที่ชื่อขบวนการ ชื่อสมาชิก และการแต่งตัว หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันหมด “อืม… ที่จริงก็เก๋ดี แบบว่า กำลังสงสัยเลยว่าพวกคุณอาจจะมาจากประเทศเดียวกันก็ได้ ใช่มั้ย?…เอเชีย? ช่างมันเถอะ”
น้าเบิร์ด “ว่าไงไอ้หลานชาย” คำถามมากมายแล่นไปมาในสมองของผม ประโยคแรกที่สติผมจับมันได้แล้วส่งออกมาคือ “ต..แต่น้าตายไปแล้วไม่ใช่หรอ”
“อย่างที่เห็น น้ายังไม่ตาย” น้าเบิร์ดยิ้มให้ผม รอยตีนกาบนหน้าแกเป็นภาพที่ผมไม่ชินเอาเสียเลย แต่ถ้าแกมีชีวิตอยู่มาตลอด 10 ปีที่ผ่านมานี้จริง ๆ ก็สมเหตุสมผลอยู่หรอก “แล้วเกิดอะไรขึ้น น้าหายไปเป็นสิบปี ทำไมจู่ ๆ…”
“หลังจากที่ชื่อเสียงของน้าโด่งดัง น้าก็ถูกตั้งฉายาไปต่าง ๆ นานา ลูกกระจ๊อกแห่งชาติบ้าง ตำนานที่ยังมีลมหายใจบ้าง น้าเริ่มถูกยกย่องมากเกินไปในฐานะลูกกระจ๊อก จนเป็นที่ไม่พอใจของหลายคนในองค์กร เพราะเขากลัวว่าน้าอาจจะไปแย่งตำแหน่ง หรือแย่งความเคารพจากเขา น้าเลยต้องถูกกำจัดทิ้ง หัวหน้าหน่วยหลอกให้น้าขึ้นไปช่วยเพื่อนต่อสู้กับฮีโร่ที่สะพาน แล้วตอนนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้น น้าตกลงไปในลำธาร ทุกคนต่างคิดว่าน้าโดนยิงแต่ความจริงแล้วน้าเห็นเต็มสองตา ว่าคนที่ยิงน้า คือหัวหน้าหน่วยของน้าเอง”
“แล้วคุณรอดมาได้ยังไง” ยีนส์ถามแทรกขึ้น เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกตัวแล้วหันไปมองว่าทั้งสามคนกำลังตั้งใจฟังเรื่องของน้าเบิร์ดไม่ต่างจากผม
“ตอนนั้นเป็นช่วงน้ำขึ้นพอดี ฉันเลยไม่ตกลงไปกระแทกพื้นหิน แล้วก็รอดมาได้” น้าเบิร์ดเล่าต่อ
ผมอดไม่ได้ที่จะถาม “มันหมายความว่ายังไง การที่น้ายืนหยัดต่อสู้เพื่อองค์กรมันก็เป็นเรื่องที่สมควรยกย่องอยู่แล้วไม่ใช่หรอครับ ทำไมพวกเขาถึงยิงน้า”
พิ้งค์ได้ทีเลยพูดขึ้น “ดูเหมือนว่าความถูกต้องของนายจะเริ่มซับซ้อนขึ้นแล้วนะ”
น้าเบิร์ดว่าต่อ “องค์กรวายร้ายถูกออกแบบมาให้แพ้เสมอนั่นแหละ เราถูกสอนให้สู้ด้วยวิธีเดียวแบบเดิม ๆ ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่สามารถป้องกันหรือดักทางคู่ต่อสู้ได้ แกก็คงเข้าใจดี
ตลอด 10 ปีที่น้าหลบซ่อนตัว คอยเฝ้าดูแกตั้งแต่วันที่แกออกจากบ้าน ตามแกจนมาถึงป่าแอมะซอน น้าฝึกวิชาการต่อสู้และเอาตัวรอดมากมาย หลังได้พบความจริงว่า พวกเขาไม่เคยให้ค่าอะไรกับลูกกระจ๊อกอย่างเราเลย เหล่าวายร้ายชั้นสูงทุกคนต้องการจะเผชิญหน้ากับฮีโร่ด้วยตัวเอง เพื่อสร้างความยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม ถ้าลูกกระจ๊อกอย่างเรา ๆ สามัคคีกันและเก่งเกินไป พวกนั้นก็กลัวว่าจะถูกโค่นล้ม เพราะถ้าพวกเราจัดการฮีโร่ลงได้ ก็ไม่มีใครอยากเป็นลูกกระจ๊อกให้คนอื่นหรอก จริงมั้ยล่ะ”
ผมไม่เห็นด้วย “แต่หัวหน้าของผมไม่ทำแบบหัวหน้าของน้าแน่ เขารักลูกน้องทุกคนเหมือนคนในครอบครัว หน่วยของผมยึดถือกฎที่ว่า ให้รักษาชีวิตเอาไว้ เราไม่ยอมปล่อยให้ใครออกไปตายง่าย ๆ ” แต่น้าเบิร์ดตอบว่า “นั่นก็เป็นสิ่งที่เราถูกสอนมาจากองค์กรเช่นกัน เพื่อไม่ให้เราเอาชนะคู่ต่อสู้ยังไงล่ะ จนกระทั่งมีคนรู้สึกว่านายเริ่มเก่งเกินไป พวกเขาก็จะไม่ต้องการนาย”
ผมสับสนไปหมด คนที่ทำให้ผมอยากเป็นลูกกระจ๊อกที่ดี ตอนนี้กลับโผล่มาแล้วก็บอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมเชื่อเป็นเรื่องหลอกลวงงั้นหรอ “ทั้งหมดนี่..น้าพูดจริงหรอ”
น้าเบิร์ดตอบ “น้าไม่มีเหตุผลอะไรต้องโกหกแกหรอกอาร์ม แต่ถ้าแกอยากพิสูจน์ล่ะก็ น้าจะนำทางพวกแกไปที่ศูนย์บัญชาการกลางของ เดอะ สเกเลตั้น และให้แกได้พบกับความจริง ที่ว่าองค์กรนี้ไม่คิดจะเห็นหัวลูกกระจ๊อกอย่างเราแม้แต่นิดเดียว”
ชอว์นถามแทรกขึ้นทันที “คุณรู้หรอว่ามันอยู่ที่ไหน! ศูนย์บัญชาการนั่นน่ะ” น้าเบิร์ดหันไปทางชอว์น ”อย่างที่บอก ฉันอาศัยอยู่ที่นี่อย่างอิสระมาหลายปี ฉันศึกษาเส้นทางทั้งหมดจนเชี่ยวชาญ และไม่เคยถูกจับได้เลยสักครั้ง”
“จนกระทั่งเมื่อกี๊” ยีนส์เตือนความจำของเขาที่เพิ่งถูกจับคุกเข่าไม่กี่นาทีก่อน น้าเบิร์ดหัวเราะ “ฉันแค่ต้องการทดสอบพวกเธอเท่านั้น ฉันตามดูพวกเธอมาหลายวัน แล้วบอกตามตรง ฉันคิดว่าเธอไม่เหมือนฮีโร่คนอื่นที่กำลังมาแย่งกระเป๋านั่นกันอยู่หรอก”
พิ้งค์ตอบ “ขอบคุณมากค่ะ ถ้าอย่างนั้นคุณก็จะนำทางพวกเราไปสินะคะ” ผมโวยขึ้น“ไม่ได้นะ!” ยีนส์สวนตอบมาว่า “อย่าลืมสิว่านายเป็นเชลยของพวกเราอยู่ ถ้าไปถึงที่นั่นแล้วพิสูจน์ความจริงได้ นายเองก็ควรกลับตัวกลับใจซะ ส่วนพวกเราก็จะเอากระเป๋ามาคืนเจ้าของที่ถูกต้อง เพื่อไม่ให้ใครเดือดร้อน หลังจากนั้นก็ต่างคนต่างไป จบนะ”
พิ้งค์เข้ามาใกล้ ๆ ผม มองผมด้วยสายตาที่ผมไม่เคยเห็นอีกแล้ว เธอมีสายตากี่แบบกันนะ แล้วมองแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน “อาร์ม ทางเดียวที่นายจะรู้ความจริงได้ คือไปกับพวกฉันเท่านั้น ถ้านายมาเป็นลูกกระจ๊อกเพราะน้าของนาย นายไม่อยากพิสูจน์สิ่งที่เขาพูดหรือไง” แต่นี่ไม่ยุติธรรมกับผมเลย “นี่เธอกำลังจะบอกว่าให้ฉันเป็นคนทรยศ ก่อนที่จะโดนทรยศงั้นหรอ” ชอว์นเข้ามาสมทบอีกคน “จะว่าอย่างนั้นก็ได้ พวกวายร้ายมันก็หักหลังกันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วไม่ใช่หรอ จะคิดอะไรเยอะแยะ”
“หึ พูดไม่สมกับเป็นคนดีเลยนะ” ผมตอบโต้ออกไปแค่นั้น แต่ก็กลายเป็นคนแรกที่เดินนำออกไปตามทางที่น้าเบิร์ดชี้บอก และพวกเราก็เดินทางกันต่ออย่างเงียบ ๆ
______________________________________________________
“ยังเปิดไม่ออกอีกเรอะ” เสียงของบอสถามขึ้นอย่างหมดความอดทน ลูกกระจ๊อกทุกคนในห้องหัวใจต่างพากันสะดุ้งเฮือก มีแค่ลูกสมุน 4 คน ที่มียศสูงกว่าลูกกระจ๊อก ยังคงยืนนิ่งเงียบราวกับรูปปั้นอยู่ที่มุมห้อง ทุกคนต่างรู้ดีว่าใครที่ทำให้บอสอารมณ์เสียหรือทำงานไม่ได้ตามความพอใจ จะมีตัวเลือกแค่สองทาง คือถูกไล่กลับไปเป็นลูกกระจ๊อกธรรมดา หรือไม่ก็ได้ลงไปช่วยคนสวนปลูกต้นไม้ ไม่ใช่ด้วยการรดน้ำพรวนดิน แต่ไปเป็นปุ๋ยในดินเสียเอง
ห้องหัวใจคือศูนย์กลางฐานบัญชาการลับขององค์กร เดอะ สเกเลตั้น เพราะอยู่ตรงหัวใจของโครงกระดูกพอดี เคยมีลูกสมุนคนหนึ่งทักบอสว่า ถ้ามีศัตรูบินมาทางอากาศ การหาห้องหัวใจที่อยู่ตรงหัวใจพอดีมันออกจะเดาง่ายไปหน่อย ซึ่งตอนนี้เจ้าหมอนั่นก็นอนอยู่ในสวนเรียบร้อยแล้ว เลยไม่มีใครคิดจะทักเรื่องย้ายห้องหัวใจขึ้นมาอีก
“ค.. ครับ บอส ผมว่ามันน่าจะล็อคครั… อั่ก” ลูกกระจ๊อกที่เป็นคนถือกระเป๋าอยู่ตอบขึ้น แต่ฝ่ามือของบอสพุ่งเข้ามาหยุดปากของเขาก่อนที่จะทันพูดจบ
“ฮึ้ย! ไม่ได้เรื่อง!!! ไปหาใครหรืออะไรมาแหกไอ้กระเป๋านี่ให้ได้ ไม่งั้นจะเป็นพวกแกที่โดนฉีกออกเป็นชิ้น ๆ แทน ไป!!!” ลูกกระจ๊อกชั้นสูงทั้งหลายรีบวิ่งกันออกไปทันที “ครับบอส!!!”
บอสเดินเข้าไปหยิบกระเป๋าขึ้นมาดู พลิกหาทุกอย่างที่น่าจะเป็นวิธีเปิดมัน “หรือว่าปุ่มนี่..”
กริ๊ก…
เสียงอัตโนมัติจากกระเป๋าดังขึ้น “ระบบทดสอบอัตลักษณ์บุคคลทำงาน โปรดสแกนม่านตาของท่านที่ช่องตรวจสอบอัตลักษณ์ระดับที่หนึ่ง”
“หืม ม่านตางั้นเหรอ” บอสมองหาอะไรบางอย่างที่จะเหมือนที่สแกนม่านตา จนมีแสงวาบขึ้นจนเขาหลบสายตาแทบไม่ทัน ก่อนกระเป๋าจะส่งเสียงออกมาอีกครั้ง “โอ๊ย! ตาจะบอด”
“ผลการตรวจสอบอัตลักษณ์ระดับที่หนึ่ง ไม่ผ่าน หากคุณไม่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ถือกระเป๋า…ก็วางฉันลงซะ ไอ้โง่!” บอสโกรธจนเลือดขึ้นหน้า “แก!” แต่กระเป๋ายังส่งเสียงต่อออกมาอีก “แต่หากคุณเป็นผู้ถือกระเป๋า แค่กำลังเจ็บตาเฉย ๆ กรุณาทดสอบระบบอัตลักษณ์ระดับที่สอง” บอสหันไปมองลูกสมุนที่ยืนอยู่ที่เดิม ทั้งสี่คนมองหน้ากันและหันมาพยักหน้าให้บอส ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง “เห้ยยย ฉันหมายถึงจะให้ใครมาช่วยลองเปิดดู ไม่ได้จะบอกให้ออกไป ไอ้พวกบ้าเอ๊ย”
เสียงกระเป๋าดังขึ้นอีก “กรุณาวางนิ้วโป้งลงบนแท่นตรวจสอบอัตลักษณ์ระดับที่สอง” บอสวางนิ้วโป้งลงบนช่องแสตนเลสสีเงินที่ยื่นออกมาจากด้านบนของกระเป๋า ถ้ามองเผิน ๆ ดูเหมือนมีตัวล็อคตัวที่สามกำลังค่อย ๆ งอกออกมา ฉึก!.. “โอ๊ย!!! ไอ้กระเป๋าเวร!” บอสร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาหันไปมองแท่นที่เขาวางนิ้วอยู่ก่อนหน้านี้ มีเข็มที่โผล่ขึ้นมา ปลายเข็มเต็มไปด้วยรอยสีแดง เช่นเดียวกับที่นิ้วของเขาที่เลือดยังคงผุดออกมาอยู่ กระเป๋าส่งเสียงอีกครั้ง
“รหัสพันธุกรรมในเลือดไม่ตรงกับผู้ถือกระเป๋า … วางฉันลงเดี๋ยวนี้นะ เจ้าโง่” บอสโยนกระเป๋าลงพื้นพร้อมกวาดของบนโต๊ะหล่นกระจายโครมใหญ่ด้วยความเจ็บใจ ของเหล่านี้ถูกจัดวางไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ ไม่มีกระดาษแผ่นไหนมีข้อมูลสำคัญ หรือปากกาด้ามใดที่ใช้งานจริงนอกจากด้ามที่บอสเหน็บเสื้อติดตัวไว้อยู่แล้ว แค่วางไว้ให้บอสระบายอารมณ์ในเวลาแบบนี้
“เฮ้ย! ใครอยู่ข้างนอกเข้ามานี่ซิ” ลูกกระจ๊อกคนหนึ่งวิ่งกลับเข้ามา “อ่าว ฉันบอกให้แกไปหาวิธีมาจัดการกระเป๋า แล้วแกทำอะไรอยู่หน้าห้อง” ลูกกระจ๊อกชั้นสูงตอบด้วยเสียงสั่น “ผมเสิร์ชหาเบอร์ช่างสะเดาะกุญแจอยู่ครับบอส แต่ตอนนี้ไม่เหลือใครอยู่ที่นี่เลยครับ ตั้งแต่เปิดรหัสแดง ก็มีกลุ่มฮีโร่บุกเข้ามาเต็มไปหมด ทุกคนคงจะรู้เรื่องกระเป๋ากันหมดแล้วครับบอส”
“ก็คงจะเป็นอย่างนั้น” บอสพูด ลูกกระจ๊อกโล่งใจที่ไม่ถูกอาละวาดใส่ “ยังไงเรื่องนี้ก็ต้องเป็นเรื่องใหญ่อยู่แล้ว ก็ตามที่ตกลงกันไว้น่ะนะ” บอสหันหลังไปคุยกับตัวเองอยู่ที่ชั้นวางอาวุธ เล่นกล้องเหมือนในละครอีกคนแล้ว
“ว่าแต่บอสมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ” ลูกกระจ๊อกถามขึ้น “ฉันรู้แล้วว่าจะต้องเปิดกระเป๋ายังไง แกจำไอ้แว่นที่มีคนมาช่วยมันไว้ได้ใช่มั้ย” บอสหันกลับมาถามด้วยรอยยิ้มเยือกเย็นอันน่ากลัวของเขา “เอ่อ… จำได้ครับ” บอสนั่งลงบนเก้าอี้ฝังเพชรตัวโปรด บุนวมด้วยฝ้ายเกรดส่งออกของบราซิล เอนหลังด้วยความผ่อนคลาย “ดีแล้วล่ะที่มันไม่ตายในวันนั้น เพราะมันอาจจะยังมีประโยชน์กว่าที่ฉันคิดไว้” ลูกกระจ๊อกเป็นงง แค่เดาอารมณ์บอสก็ยากแล้ว ตอนนี้เขากำลังสับสนกับสิ่งที่บอสพูดอีก เขาเลยตอบได้เพียงแค่ “ครับ”
“บอกเหล่าลูกสมุนทั้งหมดของฉัน ไปเอาตัวไอ้หมอนั่นมาซะ” ลูกกระจ๊อกถามต่อ “แล้วถ้ามันอยู่กับพวกที่ช่วยมันไว้วันนั้นล่ะครับ” บอสตอบ “อืม..ปล่อยให้มันตามมาเองแล้วกัน ฉันเบื่อพล็อตหักมุมแล้ว เกิดมันเป็นพวกเดียวกันที่เปิดกระเป๋าได้ เป็นลูกเป็นหลานประธานบริษัทอะไรขึ้นมาอีก เราจะไม่ฆ่าใครมั่วซั่วแล้วตอนนี้” ลูกกระจ๊อกพูด “บอสดูละครคุณธรรมเยอะเหมือนกันนะครับเนี่ย” บอสตอบ “เขาเรียกว่ารอบคอบเว้ย ใครมีสิทธิ์เปิดกระเป๋าได้ ก็ต้องเก็บไว้ก่อน” ลูกกระจ๊อกก็ยังพูดอีก “แต่พวกวายร้ายที่ลีลาไม่ยอมฆ่าฮีโร่เนี่ย สุดท้ายมันตายเองทุกทีเลยนะครับบอส”
คราวนี้บอสตอบสั้น “เฮ้ย!!!” ลูกกระจ๊อกสะดุ้งเฮือก “ไปแล้วครับ จะรีบไปสั่งการทุกคนเดี๋ยวนี้ครับ”