“สรุปพวกคุณมามัดผมไว้ทำไมเนี่ย” ปกติผมก็ไม่ใช่คนชอบโวยวายอะไรหรอก แต่ไอ้การจับมัดมือ แล้วฉุดกระชากลากถูให้ไปไหนด้วยอย่างไม่เต็มใจเนี่ย เป็นสิ่งที่ไม่มีใครสมควรถูกกระทำไม่ใช่หรอ โดยเฉพาะจากฮีโร่ด้วยแล้ว ช่วงนี้มันอะไรกัน ทำไมผมถึงเจอแต่ฮีโร่เถื่อนไม่เว้นแต่ละวันเลย

“ถ้าไม่มัดไว้ นายจะยอมมากับพวกเราดี ๆ มั้ยล่ะ” พิ้งค์ถาม ยัยนี่กวนประสาทไม่หยุดจริง ๆ “ผมเป็นคนของสุดยอดองค์กรวายร้าย เดอะ สเกเลตั้น นะ เรื่องอะไรผมต้องมาร่วมขบวนกับพวกฮีโร่ด้วย” พิ้งค์ยิ้มตอบ “ก็นั่นไง เพราะฉะนั้นฉันเลยต้องมัดนายมาแบบนี้” ชิ.. เป็นความคิดที่เอาแต่ใจสิ้นดี 

“ฮีโร่สมัยนี้นี่มันยังไงกันนะ ทำไมชอบจับลูกสมุนวายร้ายเป็นตัวประกันกันอยู่ได้ นิสัยไม่ดีเล้ย” ผมพูดลอย ๆ 

ยีนส์เข้ามาช่วยเพื่อนบ้าง “แล้วทีพวกนายล่ะ ขโมยของ จับคนบริสุทธิ์เป็นตัวประกัน วางแผนจะครองโลก มีแต่เรื่องดี ๆ ทั้งนั้นเลยนะ”

“ก็มันเป็นวิถีของวายร้ายอยู่แล้วนี่ เวลาเราทำสิ่งเหล่านั้น เราก็ยอมแลกกับการถูกเกลียดชัง ไม่ได้รับสิทธิพื้นฐานตามกฎหมาย ใช้ชีวิตตามท้องถนนแบบพวกคุณก็ไม่ได้ แล้วก็ยังเสี่ยงโดนพวกฮีโร่อย่างพวกคุณมากระทืบอยู่ทุกวัน ในขณะที่คุณทำสิ่งเดียวกัน แค่ยืนอยู่คนละฝั่ง แต่ได้รับคำสรรเสริญชื่นชม นี่หรอ ความยุติธรรม ตอนนี้พวกคุณก็ต่างกับเราแค่ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย หรือมีการหนุนหลังจากคนทั่วไปก็เท่านั้นแหละ”

คราวนี้เป็นนายแว่นชอว์นเสนอหน้าเข้ามาอีกคน “พล่ามซะยาวเชียว ตรรกะก็โคตรจะเพี้ยน ที่พูดออกมานั่นมันน่าภูมิใจนักหรือไงกันฮะ! ที่คนเขาสนับสนุนฮีโร่ก็เพราะเขามีเหตุผลที่ดีในการสู้ไงไอ้งั่ง” 

ผมหันไปมองแว่นมันชัด ๆ “อย่างน้อยเราก็จริงใจกับอุดมการณ์ของเรา” ขยับตัวเข้าไปใกล้มากขึ้น เพื่อพูดสิ่งที่ผมอยากพูดใส่หน้าหมอนี่มาสักพักแล้ว “และฉันก็ไม่เคยสมัครมาเป็นแฟนคลับฮีโร่เดินตามต้อย ๆ เพื่อให้ใครช่วยหาของหายให้ตัวเองด้วย”

ชอว์นเดือดเลือดขึ้นหน้าทันที “โอ้โห! ไอ้หมอนี่ เป็นแค่ลูกกระจ๊อก จะปากดีเกินบทบาททำไมนักหนาฟะ เดี๋ยวก็ซัดหน้าให้หรอก” ผมท้าทายกลับทันที “ก็มาเลยเซ่! ไม่กลัวแว่นแตกก็เข้ามาเลย”

“หยุด!!! โอ๊ย ฉันเบื่อจะพูดคำนี้แล้วนะ” พิ้งค์ระเบิดขึ้น เสียงดังกว่าทุกคนที่กำลังตะโกนหาเรื่องกันอยู่ แววตาเธอกลายเป็นแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้ ดูเหมือนคราวนี้จะโกรธจริง ๆ แฮะ 

“ฟังให้ดีนะอาร์ม ฉันไม่ได้เหมือนกับพวกที่จับเพื่อนนายไป ฉันแค่มาที่นี่เพื่อต้องการจะเอากระเป๋าคืนให้คนที่เป็นเจ้าของที่ถูกต้อง และฉันไม่เคยคิดจะทำร้ายใคร ถ้าฉันอยากทำร้ายหรือฆ่านายฉันไม่ลำบากพามาไกลขนาดนี้หรอก แต่ฉันแค่อยากให้นายช่วยบอกว่าทางเข้านั่นอยู่ที่ไหน พอได้กระเป๋ามาแล้วฉันจะกลับออกไปโดยไม่ต้องมีใครเจ็บตัว ยุติธรรมพอมั้ย” 

“ยุติธรรมที่ผมกลายเป็นคนทรยศ เป้าหมายของบอสและทุกคนในองค์กรของเราล้มเหลว เพื่อนของผมต้องซวยกันหมด ส่วนคุณได้เป็นฮีโร่ที่ถูกยกย่อง และหมอนั่นได้กระเป๋าไป ซึ่งก็อาจจะเอาไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวเหมือนกัน นี่หรอความยุติธรรมของคุณ ให้เด็กอนุบาลฟังยังรู้เลยว่าไม่มีเครื่องหมายเท่ากับในสมการนี้ ผมมีแต่เสียกับเสีย”

“ฉันชักจะเริ่มเห็นด้วยกับชอว์นแล้วนะ นายลูกกระจ๊อกคนนี้ผีเจาะปากมาพูดของแทร่” ยีนส์บ่น แล้วนายชอว์นก็พูดต่อ “แต่ก็ไม่ได้สู้เก่งเหมือนปากหรอก แถมตอนนี้มันก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะต่อรองอะไรกับพวกเราได้ด้วย”

ผมทนจะไม่ไหวอยู่แล้ว “พูดไม่ได้ดูสภาพตัวเองเลยนะน่ะ สู้เก่งนักหรือไง” แต่ก่อนที่เราจะเดินเข้าหากันอีกก้าว พิ้งค์ก็เดินเข้ามาแทรกกลางไว้เสียก่อน

พิ้งค์พูดขึ้น “จะว่าไปที่นายลูกกระจ๊อกพูดก็ชัดเจนนะว่าเขาคิดยังไงกับกระเป๋าใบนี้ ถ้าจะไม่บอกว่าของข้างในคืออะไร อย่างน้อยนายก็ช่วยบอกจุดประสงค์ที่แท้จริงที่พวกเราต้องตามหามันหน่อยได้มั้ยชอว์น” 

ชอว์นมีท่าทีอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ไอ้หมอนี่เจอผู้หญิงแล้วหงอเลยแฮะ แล้วเขาก็พูดออกมา “ที่จริง กระเป๋านั่นไม่ใช่ของผมหรอก แต่มันเป็นของคนที่สำคัญกับผมมาก ๆ” 

“เมียชัวร์” ยีนส์แทรก ชอว์นรีบขัดทันที “ไม่ใช่นะ! ผมยังไม่เคยแต่งงาน แต่คนคนนี้ก็สำคัญกับผมมาก เหมือนเป็นคนในครอบครัวของผมเลยล่ะ และผมสัญญาว่าจะเก็บความลับนี้ให้ตายไปกับผม ผมจะไม่ยอมให้ชื่อของเขาต้องแปดเปื้อนจากการทำร้ายใครเด็ดขาด” คราวนี้แววตาจริงจังของหมอนี่ดูน่าสนใจขึ้นแฮะ แต่หน้าก็ยังดูโง่เหมือนเดิม ไม่ต้องมาว่าผมขี้บุลลี่เลยนะ ก็มันจริง

“ฉันว่าฉันเห็นจุดยืนของนายแล้วล่ะ” ผมพูดออกไปในที่สุด

“เห็นแล้วใช่มั้ยว่าฉันเป็นคนซื่อสัตย์กว่านายอีก” อ่าว ไอ้นี่ พูดดี ๆ ด้วยไม่ชอบ “จุดยืนที่ว่านายโคตรโง่ชะมัดเลยต่างหากล่ะ” ไอ้แว่นชอว์นโมโหบ้าง “จะเอาให้ได้เลยใช่มั้ย!!” 

เขาง้างมือขึ้นเหมือนจะต่อยผม แต่หันไปมองทางพิ้งค์ ซึ่งผมไม่กล้าหันไปมองมาสักพักแล้ว พอเดาได้ว่าเธอคงกำลังจ้องเขาตาแข็งอยู่ เขาเลยเอื้อมมือไปที่กระติกน้ำข้างเอวแทน “เอ่อ.. เอา.. น้ำน่ะ กินมั้ย พูดมากขนาดนี้นายต้องคอแห้งได้แล้วนะ” เขารินน้ำใส่แก้วให้ ผมหยิบมากินอย่างว่าง่าย อันที่จริงผมก็อยากเอาตัวรอดจากสายตาอันน่ากลัวของพิ้งค์เหมือนกัน

แต่ยังไม่ทันได้กลืนน้ำลงคอ ผมก็ได้ยินเสียงกรี๊ดจนต้องพ่นน้ำออกมาด้วยความตกใจ

ชายคนหนึ่งกระโดดเข้ามาในชุดคลุมสวมฮู้ด เข้าต่อสู้กับพิ้งค์และยีนส์ เขาว่องไวทั้งการโจมตีและตั้งรับ ท่าทางคงจะเป็นฮีโร่อีกคนที่มาชิงดีชิงเด่นกันอีกแล้ว คนพวกนี้มันยังไงกันนะ

“โอ๊ะ!” ยีนส์เข้าไปเล่นงานเขาที่ขาจากทางด้านหลังชายคนนั้นจนคุกเข่าลง ทั้งสองคนรุมล็อคตัวเขาเอาไว้ได้ พิ้งค์กระชากฮู้ดที่คลุมหัวอยู่ของเขาให้เปิดออก

ไม่จริงน่ะ…

“อ้าว เป็นอะไรไปนายลูกกระจ๊อก ทำหน้าอย่างกับเห็นผี” ชอว์นปาดน้ำที่ผมพ่นออกไปเมื่อกี๊จากใบหน้า แล้วยังอุตส่าห์มีกะใจมาแซวผม แต่ผมไม่ได้ใส่ใจเขาเท่าไหร่ เพราะตอนนี้ในหัวผมเต็มไปด้วยคำถาม เพราะอะไร.. ทำไม.. เป็นไปได้ยังไง.. ผมเดินเข้าไปใกล้ ๆ และคุกเข่าลงต่อหน้าชายคนนั้น สายตาจ้องมองกัน เขามีตัวตนอยู่จริง อยู่ตรงหน้าผมจริง ๆ

คนที่ผมไม่คิดว่าจะได้เจออีกครั้ง

“น้าเบิร์ด”

______________________________________________________

“แถวนี้คือซี่โครงของโครงกระดูกแล้ว เราเข้าใกล้หัวใจมากแล้วล่ะ” อเล็กซ์บอกขณะกำลังปลดที่ล็อคของสายกระเป๋า เหวี่ยงมันมาด้านหน้าเพื่อหยิบขนมปังที่เหลือออกมานั่งกิน 

“นายนี่เก่งจริง ๆ รู้ได้ยังไงน่ะ หรือว่าเคยมา” จูเนียร์ถามด้วยความสงสัยกึ่งชื่นชม “มันมีป้ายอยู่ตรงนั้น” อเล็กซ์ชี้ไปที่ป้ายอันอย่างใหญ่ เขียนว่า ตรงนี้ซี่โครงจ้า “อ.. อ๋อ ก็ว่าอยู่” จูเนียร์ตอบเขิน ๆ 

อเล็กซ์เสนอ “นี่ก็มืดแล้ว เราพักกันแถวนี้ก่อนดีมั้ย พรุ่งนี้เช้าเราคงจะตามมันทันแหละ พวกนั้นก็คงไม่เดินทางกลางคืนเหมือนกัน มืดขนาดนี้” จูเนียร์เห็นด้วย “ก็ดีนะ ฉันเหนื่อยจะแย่แล้ว” ทั้งสองคนจัดการสัมภาระ และจัดแจงที่สำหรับพักผ่อน ก่อนจะทิ้งตัวนอนข้างกองไฟที่ก่อขึ้นเพื่อให้ความอบอุ่น แต่หลังจากที่นอนกันอยู่พักหนึ่ง อเล็กซ์ก็หันมาชวนคุย

“จูเนียร์ ทำไมแกถึงมาเป็นลูกกระจ๊อกในองค์กรวายร้ายวะ”

“เอ่อ.. ทำไมอยู่ ๆ ถึงถาม” 

“อยากรู้เฉย ๆ บอกไม่ได้หรอ”

“เปล่า…” จูเนียร์เงียบคิดไปชั่วขณะหนึ่ง “คงเพราะมันเป็นวิธีที่จะพิสูจน์ตัวเองได้มั้ง”

“ยังไง”

“เอ้อ.. หมายถึงว่า ฉันก็รู้นะว่าการเป็นลูกกระจ๊อกมันไม่ได้เจ๋งหรือเท่อะไรนักหรอก แต่คนอย่างฉันจะไปทำอะไรได้ล่ะ อย่างน้อยมันก็เป็นเส้นทางที่ฉันเลือกเอง ไม่ได้เดินตามทางที่คนอื่นเขาทำกัน”

“ทำนองเหมือนว่า แกอยากเป็นฮีโร่แต่สู้ไม่เก่ง เลยพิสูจน์ตัวเองด้วยการใช้วิธีเข้ามาแทรกซึมในองค์กรว้ายร้ายอะไรแบบนั้นหรอ” อเล็กซ์ยกตัวอย่างเปรียบเปรยอย่างเป็นตุเป็นตะ

“จะบ้าหรอ! พูดอะไรของนายน่ะ” ใบหน้าของจูเนียร์แดงขึ้นเล็กน้อยในมุมมองของอเล็กซ์ เขาค่อนข้างมั่นใจ อย่างน้อยก็อาจจะด้วยแสงจากกองไฟ

“ฮ่า ๆ ล้อเล่นเฉย ๆ น่า” 

“แล้วนายล่ะ เห็นอาร์มเล่าว่า นายโตมาในหมู่บ้านฮีโร่ไม่ใช่หรอ ทำไมถึงเลือกมาเป็นวายร้ายล่ะ”

“ที่บ้านเกิดฉันน่ะ เขายกย่องคนกันที่ความเก่ง คนที่จะเป็นฮีโร่ได้ ต้องเป็นคนเก่งมากกว่าคนดีเสียอีก เด็กปลายแถวอย่างฉัน อยู่ที่นั่นยังไงก็ไม่มีวันได้เป็นฮีโร่จริง ๆ เหมือนพ่อกับแม่อยู่แล้ว” เปโดรหลับตา นึกภาพย้อนกลับไปหาครอบครัวและชีวิตวัยเด็ก

“แต่มาอยู่ที่นี่ นายก็เป็นได้แค่ลูกกระจ๊อกอยู่ดีนะ ไม่คิดว่าการอยู่ฝั่งคนดีมันดีกว่าหรือไง” จูเนียร์ถาม

“ไม่สำคัญหรอกว่าตำแหน่งสูงหรือต่ำ อยู่ที่นี่ ฉันได้เป็นตัวเอง ได้มีครอบครัวแบบน้ากี้ เพื่อน ๆ ในหน่วย 404 ทุกคน อาร์ม แล้วก็นาย ถึงใครจะมองว่าอาชีพของเราไม่ดี แต่เราก็แทบไม่เคยต้องฆ่าใครจริง ๆ เลยนี่ จะว่าไป เป็นพวกของเราที่โดนฮีโร่ฆ่าไปมากกว่าด้วยซ้ำ อีกอย่าง ถ้าต้องให้ไปทำงานอยู่ในหน่วยงานสนับสนุนฮีโร่ ฉันก็คงต้องทำงานเพื่อให้ได้เป็นฝ่ายชนะอยู่เสมอ ชัยชนะกับฉันน่ะ ไม่ใช่ของคู่กันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว สู้ทำงานแบบไม่ต้องถูกกดดันแบบนี้ดีกว่าเยอะ” อเล็กซ์ตอบด้วยรอยยิ้ม แต่แววตาที่จูเนียร์เห็นนั้นไม่อาจบอกได้ว่าเขากำลังมีความสุขจริงหรือไม่

“ก็จริงของนาย การเป็นฮีโร่ดูจะเป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง แล้วก็มีอุปสรรคเยอะแยะไปหมด”

“แล้วพวกเราก็เป็นหนึ่งในนั้นไงล่ะ อุปสรรคของเจ้าพวกฮีโร่นั่น ถ้าไม่มีเรา พวกมันก็คงไม่ได้มีวีรกรรมเจ๋ง ๆ จนได้รับการยอมรับหรอกนะ ต้องมาขอบคุณพวกเราสิ ถึงจะถูก ฮ่า ๆ”

“ก็จริงของนาย ฮ่า ๆ ขอบคุณนะ” จูเนียร์ยิ้มให้อเล็กซ์ที่หันมามองอย่างงง ๆ

“อะไร” เขาถาม

“ก็…ทุกอย่างนั่นแหละ ที่ชวนคุยจนฉันลืมความเครียดก่อนหน้านี้ ที่ไปช่วยฉันออกมา ที่เป็นเพื่อนที่ดีมาตลอด”

“เฮอะ! อารมณ์ไหนของแก นอนเหอะ พรุ่งนี้เราคงต้องเหนื่อยกว่าที่สู้มาทั้งชีวิตแน่ แกเองก็อย่าใจร้อนมากนักนะ ฮีโร่ที่ผ่านเข้ามาถึงห้องหัวใจได้ ต้องเป็นพวกอันตรายทั้งนั้นแน่ ๆ”

“ได้เลย! กู๊ดไนท์ ลูกพี่”

อเล็กซ์ชะงักกับคำนั้นเล็กน้อย

ไม่เคยมีใครเรียกเขาแบบนั้นมาก่อน ตั้งแต่เด็กจนโต เขาเป็นเหมือนเงาที่ไม่มีตัวตน อย่าว่าแต่ลูกพี่เลย แค่เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มยังแทบจะไม่มีใครให้การยอมรับเขา จนแม้แต่วันที่เขาหนีออกจากหมู่บ้านฮีโร่ ยังไม่มีใครคิดจะมาตามเขากลับไปด้วยซ้ำ

“อ..อื้ม กู๊ดไนท์”  

จูเนียร์เริ่มกรนแล้ว และเท่าที่อเล็กซ์รู้ มันจะดังขึ้นเรื่อย ๆ เขารีบสลัดความคิดทั้งหมดออกจากหัวและพลิกตัวหันหลังให้เพื่อน อดไม่ได้ที่จะหัวเราะในลำคอเบา ๆ และส่ายหน้ากับตัวเอง ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง