“เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ได้มีเหตุปล้นชิงทรัพย์ขึ้นหลายจุดในเมืองมาเนาส์ ทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง รวมถึงกระเป๋าที่บรรจุทรัพย์สินสำคัญของรัฐบาลก็ถูกชิงไป โดยเชื่อว่าเป็นกระทำของกลุ่มองค์กรวายร้ายที่เรียกกันว่า เดอะ สเกเลตั้น

รัฐบาลได้ทราบถึงข้อกังวลใจในเรื่องความปลอดภัยของประชาชนชาวเมืองมาเนาส์ ทั้งจากเหตุเมื่อคืนนี้ รวมถึงการขึ้นทะเบียนฮีโร่ถูกกฎหมาย ที่เป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในสังคม 

เราจึงขอประกาศว่า ฮีโร่คนใดหรือกลุ่มขบวนการใด ที่สามารถนำทรัพย์สินของรัฐบาลกลับคืนมา รวมถึงจัดการความไม่สงบครั้งนี้ลงได้ จะได้รับการแต่งตั้งเป็นฮีโร่ประจำเมือง ได้สวัสดิการรัฐเทียบเท่าทหารในกองทัพ โล่ประกาศเกียรติคุณ ได้รับการลดหย่อนภาษี พร้อมทั้งจะเป็นฮีโร่เพียงกลุ่มเดียวที่ได้รับการงดเว้น ไม่ต้องถูกไต่สวนหรือชดใช้ความเสียหายจากการต่อสู้ที่อยู่ภายใต้การอนุมัติจากรัฐบาล…”

ยีนส์หยิบรีโมทขึ้นมาปิดโทรทัศน์ แล้วหันมากอดอกมองดูนายแว่น “เรื่องใหญ่เลยแฮะ แล้วนี่นาย..เฮ้ย! เลิกมองพวกฉันแบบนั้นได้แล้วน่า”

“อ่อ ขอโทษที” ชายใส่แว่นสะดุ้งจากภวังค์ “แค่ยังไม่ชินที่พวกคุณชื่อ..พิ้งค์ กับ ยีนส์ แล้วก็ชื่อขบวนการ พิ้งค์ ยีนส์.. แล้วก็ใส่กางเกงยีนส์สีชมพูด้วยน่ะ” 

ยีนส์โมโห “จะใส่อะไรมันก็เรื่องของพวกเราน่ะ แล้วสรุปเรื่องของที่โดนขโมยไปนี่ยังไง”

“ที่จริงมันไม่ใช่ของรัฐบาล ผมบอกคุณได้แค่นั้นจริง ๆ ครับ” นายแว่นรับกาแฟจากพิ้งค์ที่เพิ่งเดินเข้ามา ยิ้มหน้าบานพร้อมใช้เสียงสองที่ละมุนขึ้นกว่าตอนแรก

“จะบอกว่าเป็นของนายงั้นสิ” ยีนส์ถาม แต่ครั้งนี้เขานิ่ง “แล้วนายจะเอายังไงต่อ” เขาลดแก้วกาแฟลงช้า ๆ “ผมก็ต้องไปเอากระเป๋านั่นกลับคืนมา” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ราวกับไม่ควรจะมีคำตอบอื่นใดอีกแล้ว

“แล้วเราจะเชื่อนายได้ยังไง ว่านายคือเจ้าของที่ถูกต้องจริง ๆ  หรือจะใช้ของในนั้นอย่างถูกต้องน่ะ” ยีนส์หันไปมองหน้าพิ้งค์ที่นิ่งเงียบมาจนถึงตอนนี้ เธอจึงเริ่มพูดบ้าง “ฉันว่าเราควรช่วยชอว์นนะ”

นายแว่นเจ้าของชื่อชอว์นเปลี่ยนสีหน้าเคร่งขรึมเป็นยิ้มหวานตาเยิ้มทันที “ขอบคุณนะครับที่เข้าใจผม ผมต้องรีบไปเอากระเป๋านั่นกลับมาก่อนที่มันจะสายไป ไม่งั้นเกิดเรื่องใหญ่แน่” ยีนส์เริ่มหมั่นไส้ “จะให้ไปช่วยทวงของคืนจากองค์กรวายร้าย โดยที่ไม่ยอมบอกอะไรเลย ทั้งที่เราช่วยชีวิตคุณไว้ครั้งหนึ่งแล้วน่ะนะ แล้วนี่ไปบอกชื่อกันตอนไหน” 

“ใจเย็น ๆ ก่อนยีนส์ เขาคงมีเหตุผลของเขาแหละ” พิ้งค์ปรามเพื่อนอีกครั้ง ก่อนจะหันไปหาชอว์น “เราจะช่วยตามกระเป๋านั่นให้เจอ แล้วนำกลับมาคืนที่ที่มันควรจะอยู่ตั้งแต่แรกเองค่ะ” 

ยีนส์ถึงกับอ้าปากค้าง “เอาจริงดิ นี่เรายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหมอนี่เลยนะพิ้งค์ ไว้ใจได้รึเปล่าก็ไม่รู้ เราควรจะ..” 

“ผมคิดอยู่แล้วล่ะว่าเราจะต้องได้ไปด้วยกัน” ชอว์นขัดขึ้น “นี่มันเหมือนกับในหนังเลย..อ่อ ครับ เชิญก่อนเลยครับ” พิ้งค์ตัดบทด้วยการเดินนำออกจากห้องไป ตามด้วยชอว์นที่ตอนนี้ แว่นก็ปิดแววตาเป็นประกายเอาไว้ไม่อยู่

“เห้ออ! ถ้านี่เป็นละครหลังข่าว ฉากนี้คือ พล็อตโฮล สุด ๆ นางเอกฉันจะบ้าความยุติธรรมแบบไม่คิดหน้าคิดหลังไปมั้ย” ยีนส์อยากค้านหรือแสดงความไม่พอใจมากกว่านี้ แต่พอเห็นชอว์นเร่งฝีเท้าประกบไม่ห่างพิ้งค์ เธอคิดว่าควรเดินให้เร็วกว่านี้เพื่อเป็นคอยกันท่าไว้ให้เพื่อนเธอจะดีกว่า

“อย่างน้อยก็ขอให้หมอนี่ไม่ใช่พระเอกแล้วกัน”

_________________________________________________

เสียงเพลงเปิดดังก้องกระหึ่มภายในโถงกลาง ท่ามกลางงานฉลองของหน่วย 404 ที่ทำงานสำเร็จลุล่วงตลอดช่วงหลายวันมานี้ 

ผมเดินไปชนแก้วกับเพื่อน ๆ 3-4 คนก่อนจะเดินกลับมานั่งที่มุมห้อง มองดูป้าย “c e l e b r e t e” ที่นอกจะจากสะกด
ไม่ถูกแล้ว แต่ละตัวยังเบี้ยวขึ้น เบี้ยวลง ไม่เท่ากันอีกด้วย

“ไม่ไปสนุกกับเพื่อนหรอ อาร์มซัง” น้ากี้เดินเข้ามาทักทายพร้อมกับนั่งลงข้าง ๆ ผม 

“อ๋อ เหนื่อย ๆ นิดหน่อยน่ะครับ” ผมตอบออกไปตามมารยาท แต่อันที่จริงเราต่างรู้กันดีว่าเหตุผลคืออะไร

“วันนี้ครบรอบสิบปีแล้วสินะ” น้ากี้เปิดประเด็น “นายน่ะ เป็นลูกกระจ๊อกที่ดีนะ อาร์มซัง โทริซังต้องภูมิใจแน่ ๆ” น้ากี้เอื้อมมือมาตบบ่าผมเบา ๆ 

เท่าที่ผมรู้ โทริแปลว่านก หรือสัตว์ปีก อะไรทำนองนั้นแหละ น้ากี้ก็เลยเรียกน้าเบิร์ด น้าแท้ ๆ ของผมแบบนั้น วันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของแก แกเป็นลูกกระจ๊อกในตำนาน ผู้ได้รับการยกย่องสูงสุดในวงการนี้

โดยปกติแล้ว ลูกกระจ๊อกอย่างพวกเราจะมีสถิติในการต่อสู้แบบตัวต่อตัวกับฮีโร่เฉลี่ยอยู่ที่คนละ 1-5 วินาที ไม่รวมตอนพวกมันแปลงร่าง เปลี่ยนชุด หรือขานชื่อพลัง ชื่อท่าไม้ตายอะไรก็ตาม (แน่นอนว่าพวกเราถูกสอนมาให้ไม่ต้องเข้าไปขัดหรอก ปล่อยให้มันเสียเวลาไปอย่างนั้นแหละ ดีแล้ว แถมบางทีก็ตลกและสนุกดีด้วย) 

แต่วันหนึ่ง ขณะที่องค์กรของน้าเบิร์ดออกล่าสมบัติทั่วทั้ง 77 จังหวัดในประเทศ เป็นช่วงคาบเกี่ยวที่วงดนตรีวงโปรดของแกกำลังออกตระเวนทัวร์คอนเสิร์ต 77 จังหวัดเป็นครั้งสุดท้ายพอดีเช่นกัน แล้วในวันนั้นเอง ระหว่างที่แกกำลังจะต่อสู้กับฮีโร่ เพลงโปรดของแกก็ดังขึ้นจากคอนเสิร์ตที่จัดอยู่ไม่ไกล จนจบท่อนฮุคของเพลง เจ้าฮีโร่ก็ยังสลัดเขาไม่หลุด

เหตุการณ์นั้นเป็นที่เลื่องลือในหมู่ลูกกระจ๊อกไปทั่วทั้งโลกทันที แกถูกบันทึกสถิติใน กินเนส ดาร์ค เวิร์ลด์ เรคคอร์ดส์ ว่าเป็นลูกกระจ๊อกที่ต่อสู้กับฮีโร่ได้นานที่สุด ได้รับการเสนอชื่อให้เข้าไปอยู่ในหอกระจ๊อกเกียรติยศเป็นคนแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  และเดินทางไปเป็นวิทยากรให้โรงเรียนฝึกลูกกระจ๊อกในหลายประเทศ

แต่ภายในปีเดียวกันนั้นเอง แกก็เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ จบตำนานสุดยอดลูกกระจ๊อกลงอย่างรวดเร็วแบบที่ไม่มีใครคาดคิด

ผมดั้นด้นสอบเข้ามาอยู่กับ เดอะ สเกเลตั้น ก็เพราะอยากเป็นลูกกระจ๊อกที่ต่อสู้ได้อย่างน้าเบิร์ด แล้วผมก็ร้องเพลงเดียวกับที่แกได้ยินในตอนนั้น เวลาสู้กับพวกฮีโร่เสมอ เพราะหวังว่าสักวันหนึ่ง ผมจะต่อกรกับเจ้าพวกนั้นได้นานเท่ากับที่แกเคยทำได้ 

แต่พอได้มาเรียนที่นี่ ผมก็ถูกสอนว่าการเอาชีวิตรอดนั้นสำคัญกว่า เราจำเป็นต้องรักษาชีวิตของเราและเพื่อนเอาไว้ ดีกว่าสู้ไปจนตัวตาย โดยไม่มีใครจดจำ แล้วคนที่เราทิ้งไว้ข้างหลังก็อาจจะลำบากยิ่งกว่าเดิม 

นั่นคือเหตุผลที่น้ากี้คอยเตือนพวกเราทุกคนเสมอ โดยเฉพาะจูเนียร์ ไม่ให้มันรีบตายก่อนวัยอันควร

“อาร์ม ไรเดอร์มาแล้วนะ” อเล็กซ์ส่งเสียงบอกผม แต่น้ากี้ลุกขึ้นพรวดจนเก้าอี้กระเด็นไปข้างหลัง “ไหน! ไรเดอร์อยู่ที่ไหน! มันมาแล้วงั้นเรอะ!”

“โอยยย ใจเย็นน้า” จูเนียร์เดินเข้ามาร่วมวง เป็นไม่กี่ครั้งที่มันได้เป็นฝ่ายห้ามคนอื่นบ้าง “ไรเดอร์ส่งของ ไม่ใช่ไรเดอร์ฮีโร่แบบที่น้าเคยสู้” ผลพวงจากการทำอาชีพนี้ที่ญี่ปุ่นมายาวนาน ทำให้น้ากี้น่าจะมีอาการ พีทีเอสดี กับคำว่าไรเดอร์เป็นพิเศษ

 อเล็กซ์เดินตามมาพร้อมกับกล่องพัสดุของผม “คุยเรื่องเก่า ๆ กันอีกแล้วหรอ ฉันว่านายไม่จำเป็นต้องมานั่งหงอยแบบนี้ทุกปีหรอกนะ ถ้าน้าของนายยังอยู่ เขาก็ต้องอยากให้นายแฮปปี้ ออกไปแดนซ์แบบไอ้พวกนั้น” อเล็กซ์ชี้ไปยังพวกลูกกระจ๊อกที่กำลังเมาได้ที่ และเต้นกันอย่างสุดเหวี่ยง

“เอาไว้ก่อนแล้วกันว่ะ ว่าแต่พวกแกเถอะ จะไปเต้นกับเขา หายปวดตูดรึยัง ที่ตกบันไดน่ะ” ทุกคนในโต๊ะพากันหัวเราะ เราชนแก้วแล้วยกเครื่องดื่มเข้าปากกันอีกคนละอึก

แอ่ดแอ่ดแอ่ดจู่ ๆ เสียงสัญญาณเตือนภัยก็ดังขึ้น ทุกคนต่างตกใจและรีบเคลียร์ข้าวของในปาร์ตี้ พวกที่มือว่างก็วิ่งไปหยิบอาวุธมาให้เพื่อน จูเนียร์โวยวายขึ้นคนแรกเหมือนเดิม “พวกฮีโร่บุกเข้ามาอีกแล้ว!” 

เสียงร้องโอดโอยดังลั่นมาจากปากถ้ำ ก่อนจะมีเพื่อนลูกกระจ๊อกคนหนึ่งของพวกเราถูกโยนลอยเข้ามาตกดัง ตุ้บ และสไลด์ต่อเข้ามาถึงกลางโถง ตามมาด้วยกลุ่มฮีโร่ท่าทางน่ากลัวกลุ่มหนึ่ง

กลุ่มนี้มีผู้หญิงผมยาวท่าทางไม่เป็นมิตร ใส่ที่ปิดตาข้างหนึ่ง  กับผู้ชายร่างใหญ่ ไม่เป็นมิตรยิ่งกว่า แค่ท่าเดินสุดกร่างก็รู้ว่าคงจะโหดไม่เบา ดูจากชุดที่เหมือนหลุดมาจาก ไฟนอล แฟนตาซี  สองคนนี้น่าจะเป็นผู้นำ ส่วนคนอื่น ๆ แต่งตัวไม่เยอะเท่า แต่จำนวนน่ะมากันเพียบเชียว

“ฮ่ะ ฮ่า! ไอ้พวกชั่วเอ๊ย วันนี้พวกแกถึงคราวซวยแล้วล่ะ เพราะว่า เดอะ ก็อด ขบวนการฮีโร่ที่แข็งแกร่งที่สุดมาเหยียบถึงรังสกปรกของพวกแกแล้ว!” ไอ้ตัวใหญ่ตะโกนลั่น กร่างตัวจริงเสียงจริง

“อย่ามัวเสียเวลากับไอ้พวกลิ่วล้อพวกนี้เลยดอม จัดการให้เสร็จ ๆ ไป” ผู้หญิงคนที่เหมือนหัวหน้าพูด ก่อนที่น้ากี้จะตะโกนตอบกลับไป “ปากดีกว่านี้ก็เจอมาเยอะแล้ว ขอให้เก่งอย่างที่ปากว่าเถอะ เหล่าลูกกระจ๊อกทั้งหลาย สู้มัน!!!” ทุกคนกรูเข้าไปรุมสองคนที่ดูจะเป็นผู้นำกลุ่มนั่นทันที “กี้ๆๆๆๆๆๆ”

“เอาล่ะ ถ่ายให้เห็นชัด ๆ เลยนะ” เกรซหันไปพูดกับคนที่ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าแบกกล้องตัวใหญ่อยู่บนบ่า หมอนี่เข้ามาเพื่อถ่ายสารคดีงั้นเรอะ

 “ปล่อยนะโว้ยยย” ตอนนั้นเองที่ผมได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งโวยวายมาจากปากถ้ำ เพื่อนลูกกระจ๊อกคนหนึ่งกำลังเกาะขาชายคนนั้นอยู่ แต่แล้วก็มีฮีโร่คนหนึ่งพุ่งเข้ามาถีบมันจนกระเด็นไป

“ขอบคุณนะครับ” ชายคนนั้นกล่าว ฮีโร่ทำท่าจะพาผู้ชายคนนั้นวิ่งไปต่อ แต่ผมดักหน้าไว้ได้ก่อน “หยุดนะ..เอ๊ะ!”

“นาย!” ฮีโร่สาวในชุดกางเกงสีชมพู 2 คนที่เจอเมื่อวันก่อน กับไอ้หนุ่มแว่นตัวผอมกะหร่อง สภาพสะบักสะบอม เสื้อเชิ้ตหลุดลุ่ย ต่างชะงักเมื่อเห็นผมพุ่งเข้ามาขวาง

“ย้ากกกกก!!!” จูเนียร์วิ่งเข้าไปกอดขาชายร่างใหญ่ที่เป็นหัวหน้าของ เดอะ ก็อด เลยโดนเตะอัดเข้าที่ท้องอย่างแรงหลายที แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อย พวกมันเลยเข้ามารุมกระทืบจนจูเนียร์นิ่งไป แล้วก็โดนลากเอาไปด้วย

“จูเนียร์!!!” ผมลังเลอยู่ชั่วขณะ ผมยังไม่ได้สู้และขวางฮีโร่กลุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้เลย แต่เพื่อนผมกำลังจะถูกจับตัวไป…เอาวะ ต้องไปช่วยเพื่อนไว้ก่อน 

ผมผละตัวออกจากฮีโร่กลุ่มเล็ก แล้ววิ่งเข้าไปหาไอ้ตัวใหญ่ “ฉันกำลังข…อั่ก!” ผมโดนถีบกระเด็นออกมาตั้งแต่ยังร้องไม่ถึง 4 คำ มันจุกมาก ไอ้หมอนี่โหดกว่าฮีโร่ทุกคนที่ผมเคยเจอมาเลย

“เฮอะ! พวกแกคิดว่าตัวเองแน่มากหรอวะ จำชื่อพวกเราเอาไว้ ฉันโดมินิก ส่วนพี่สาวของฉัน เกรซ หัวหน้ากลุ่ม เดอะ ก็อด ขบวนการฮีโร่ที่จะทำให้วายร้ายอย่างพวกแกต้องเหลือแต่ชื่อ!” ผมพยายามจะลุกขึ้นสู้อีกครั้ง แต่โดนยัยหัวหน้าเกรซเอาปืนฟาดเข้าที่หน้าเต็ม ๆ รู้ตัวอีกที ผมกำลังจ้องมองพื้น รู้สึกได้ว่ามีเลือดข้น ๆ หยดไหลจากปาก พวกมันจับน้ากี้ได้ แล้วเอามาคุกเข่าต่อหน้าเกรซ

“พิ้งค์ รีบไปกันเถอะ” สามคนนั้นเหมือนจะยืนดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่สักพัก ผมหันไปมองเห็นคนที่ชื่อพิ้งค์กำลังมองมาที่ผมอยู่ “อ..อื้อ” เธอตอบ แล้ววิ่งตามยีนส์กับไอ้แว่นนั่นไป นั่นก็เป็นความผิดของผมสินะ ผมปกป้องเพื่อน และทำหน้าที่ขององค์กรไม่สำเร็จเลยสักอย่าง

เกรซเดินเข้ามาดึงผมของน้ากี้เงยหน้าขึ้น “แกคงจะทนฟังฮีโร่ปากดีมามากเลยสินะ งั้นเอาเป็นว่าฉันจะช่วยสงเคราะห์แกเองแล้วกัน ฉันจะเป็นฮีโร่คนสุดท้ายที่แกได้เจอ” พูดจบ เธอก็หันไปสั่งลูกน้อง “เอามันไปโยนทิ้งลำธารหน้าถ้ำ” ทุกคนพยายามสู้เพื่อจะเข้าไปช่วย “น้ากี้! ไม่นะ น้ากี้!!!” แต่ก็ไม่มีใครสู้แรงของฮีโร่พวกนี้ไหว ผมนอนหมอบหน้าแทบจมกองเลือดตัวเอง ด้วยสติที่เริ่มจะพร่าเลือนและร่างกายที่บอบช้ำ มองไปรอบ ๆ ไม่เห็นลูกกระจ๊อกคนไหนยืนอยู่ได้แล้ว ทุกคนนอนแผ่กันหมด เสียงน้ากี้ถูกโยนลงน้ำไปดัง ซึ่มม พวกเดอะก็อดออกเดินทางกันต่อ อเล็กซ์ลุกขึ้นมาเป็นคนแรก และเข้ามาพยุงผม 

“ฉันช่วยอะไรจูเนียร์ไม่ได้เลย” ผมรู้สึกแย่กับเรื่องนี้จริง ๆ ถึงแม้ว่าทุกครั้งเราจะไม่เคยเอาชนะฮีโร่ได้ แต่ครั้งนี้ผมรู้สึกว่าผมควรจะปกป้องไอ้เปี๊ยกนั่นไว้ให้ได้แท้ ๆ

“ไม่ใช่ความผิดของแกหรอก” อเล็กซ์ปลอบ “ไอ้พวกนี้มันจะโหดเกินไปแล้ว ยังเรียกตัวเองว่าฮีโร่อยู่ได้ยังไงกัน” 

เพื่อนลูกกระจ๊อกคนหนึ่งกล่าวขึ้น “พวกเราออกไปตามหาน้ากี้กันเถอะ ลำธารนั่นไหลไปใกล้ ๆ กับห้องหัวใจ ถ้ารีบไปดักรอก่อนถึงหน้าผากลางทาง เราอาจจะยังช่วยแกไว้ได้ทัน หรืออย่างน้อยถ้าน้ากี้ตายแล้ว จะได้เก็บร่างแกมาฝังให้สมเกียรติ” ทุกคนเห็นด้วย แต่ผมมีสิ่งที่สำคัญไม่ต่างกันต้องไปทำเช่นกัน 

“งั้นฝากพวกนายไปช่วยน้ากี้ด้วย ส่วนฉันกับอเล็กซ์จะตามไปช่วยจูเนียร์กลับมา” อเล็กซ์ค้านขึ้น “ฉันไปเอง ส่วนแก ตามพวกฮีโร่กางเกงชมพูนั่นไปเถอะ” ผมอยากจะค้านมันเหมือนกันเรื่องที่จะแยกกันไป “แต่ว่า..” อเล็กซ์จ้องหน้าผม ตอนนี้แววตามันดูจริงจังที่สุดอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน 

“ฉันไม่เป็นไรหรอกอาร์ม ฉันสัญญาว่าจะช่วยจูเนียร์กลับมาให้ได้ แกยังไม่ได้สู้กับพวกนั้นเลยด้วยซ้ำ อย่าลืมสิ ว่าหน้าที่ลูกกระจ๊อกอย่างพวกเราคืออะไร ไปหยุดพวกนั้นไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้เถอะ พวกเราเชื่อในตัวแก” 

ผมหันมองรอบ ๆ เพื่อนทุกคนต่างพยักหน้า ครั้งนี้คงต้องยอมสินะ “อื้ม งั้นก็ไปช่วยจูเนียร์ให้ได้ แล้วเจอกัน”