ผมไม่เคยคิดว่าผมจะตาย
ช่วงเกือบสัปดาห์แรกของการกักตัว ผมไข้ขึ้นสูงตลอดเวลา ไม่มีแรงแม้แต่จะลุกออกจากเตียง ทุกครั้งที่ยกหัวขึ้นจากหมอน ผมจะหูดับหรือไม่ก็ได้ยินเสียงวิ้ง ๆ จนทรงตัวไม่อยู่ ครั้งไหนที่ลุกขึ้นมาได้เกิน 10 วินาที เพื่อทำกิจกรรมสั้น ๆ ง่าย ๆ อย่างการกินข้าว เข้าห้องน้ำ พอเสร็จแล้วจะปวดหัวจนแทบระเบิดไปอีกพักใหญ่เสมอ
แต่ผมก็ยังคิดว่ามันไม่ถึงตายหรอก
สิ่งที่เลวร้ายที่สุดในเรื่องตอนนี้ก็คือ ทุกอย่างเกิดขึ้นโดยที่ผมถูกขังอยู่ในห้องผู้ป่วยอย่างเดียวดาย และแม้ว่าจะทรมานแค่ไหน ผมก็ต้องลุกขึ้นมาทำทุกอย่างด้วยตัวเองอยู่ดี
เวลาจะโทรไปขอยา หรือข้าวของอะไรก็ตาม พยาบาลก็จะเอามาไว้หน้าห้องแล้วเคาะบอก ต้องรอให้เขาเดินพ้นไปสักหน่อย แล้วค่อยลุกออกไปหยิบ
เรื่องเดียวที่จะทำให้ผมได้เจอพี่พยาบาล ก็ดันเป็นสิ่งที่ผมไม่ได้ต้องการซะด้วย
หลังจากวันแรกที่รูและเข็มที่มือของผมค่อนข้างดื้อ ฉีดยาก็ไม่เข้า แถมหลุดง่าย พยาบาลเลยถอดออกและเลือกที่จะเจาะใหม่ แน่นอนว่าผมขอกินน้ำก่อนตลอดทุกครั้ง แต่ก็ยังคงคอนเซ็ปต์เลือดข้นคนจาง โดนตีจนแขนและเมือเขียวทุกครั้ง แถมรูใหม่ก็ไม่ค่อยให้ความร่วมมือเหมือนเดิม
“พี่ครับ ผมรู้สึกเจ็บ ๆ เหมือนเข็มมันจะหลุดออกมาเลย”
“อ๋อ รอสักครู่นะคะ” พี่พยาบาลตอบ แล้วหายไปเกือบครึ่งชั่วโมง จนเข็มแม่งหลุดออกมาจริง ๆ น้ำเกลือพุ่งปรี๊ด ดีว่าผมคอยมองกิจกรรมทุกอย่างของพยาบาลมาตลอด เลยปิดถุงน้ำเกลือเป็น ไม่งั้นน้ำเกลือแม่งท่วมตัวกูเหมือนที่ฉีดตูดอีก
“รูนี้ต้องรักษาดี ๆ นะคะ น่าจะเจาะตรงอื่นไม่ได้แล้ว”
เอ่อ..คือกูต้องรักษายังไงหรอ แล้วพี่ปักแต่ละที่ แม่งใช้ชีวิตยากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วการปักตรงง่ามนิ้วนี่มันใช้ชีวิตได้จริง ๆ หรอ
สรุปผมโดนเจาะไปประมาณ 14 รู จนถึงวันที่ 10 ที่พยาบาลปักมือขวาแล้วรู้สึกว่าใช้ไม่ได้ เลยจะย้ายมาปักมือซ้าย แต่ที่ตกใจคือ พี่พยาบาลพลิกข้อมือของผมขึ้น แล้วชี้ตรงข้อมือ จุดที่สไปเดอร์แมน เวอร์ชั่น โทบี้ แมคไกวร์ ปล่อยใยออกมา
“เหลือแค่ตรงนี้แล้วล่ะ”
ในหัวมีความคิดพุ่งเข้ามาสองอย่าง อย่างแรกความคิดโง่ ๆ แบบคนไม่ได้เรียนหมอ อันนั้นมันคือเส้นเลือดใหญ่ที่เค้าไว้จับชีพจรกันไม่ใช่หรอ แล้วกูเหลือความไว้ใจให้พยาบาลที่ปักเข็มใส่กูมา 14 รูเท่าไหร่ หรือต่อให้ปักแล้วรอด การมีเข็มวางอยู่ในข้อมือ แค่ยันตัวลุกจากเตียง แม่งก็ปักแขนแล้ว เล่นโทรศัพท์ ตักข้าว ล้างตูด ไม่น่ามีอะไรที่ทำได้เลย
ผมตัดสินใจพูดออกไปตรง ๆ ว่ากลัวจะทำอะไรไม่ได้เลยถ้าเจาะตรงนี้ พี่พยาบาลทำท่าคิดตามอยู่นิดนึง แล้วก็ตอบกลับมาเสียงใสว่า
“งั้นไม่เจาะแล้วเนาะ เดี๋ยวให้คุณหมอเปลี่ยนยาเป็นแบบกินแทนดีกว่า”
…
มียา..ที่กินเอาได้
แล้วทำไม..พี่ไม่นึกได้ตั้งแต่รูที่ 5
…
นอกจากการเจาะเลือดแล้ว อาการต่อมาที่ได้เจอคือการเห็นภาพหลอน อาจเป็นเพราะว่าผมโคตรอยากลุกไปทำนู่นทำนี่ แต่ด้วยพิษไข้ ทำให้นอนเป็นผักหลายชั่วโมงต่อวัน จนสมองเริ่มสร้างตัวผมอีกคน ที่ลุกไปฉี่แทน เดินไปหยิบยา กินน้ำ ทำทุกอย่างให้เสร็จสรรพ โดยที่ผมยังปวดฉี่และไม่ได้กินยาเหมือนเดิม
แล้วนับวันยิ่งแฟนตาซีขึ้น เปลี่ยนจากตัวผมหลายคน เป็นตัวการ์ตูนต่าง ๆ ที่เคยดูมาทั้งชีวิต วิ่งพล่านกันเต็มห้อง ยันบนเพดาน
อันที่จริงภาพหลอนไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นหรอก เพราะอย่างน้อยผมก็ไม่ได้เมาอะไร ผมรู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันอะไรไม่ใช่ของจริง ต่อให้ตัวการ์ตูนนั่นมันจะวิ่งเข้ามาใส่ผม แล้วชนยากับน้ำผมหกหมด ผมก็รู้ว่าห้องนี้ไม่มีใครทำน้ำหกไ้ด้ ตราบใดที่กูยังนอนเป็นผักอยู่แบบนี้
แต่พอต้องเห็นภาพต่าง ๆ วนไปวนมา มันรำคาญ แบบสุด ๆ ไปเลย ยิ่งพอช่วงที่หมอให้สเตียรอยด์ ยาที่ผมเคยได้ยินในข่าวกีฬาว่าบางครั้งเป็นสารกระตุ้นที่ทำให้นักกีฬาดัง ๆ หลายคนเสพติดและเสียชีวิต แต่ผมเพิ่งรู้ว่ามันน่ากลัวก็ตอนที่ภาพหลอนในหัวผมมันเล่นเป็นบูมเมอแรงแบบสปีด x2 x3 พร้อมกับใจที่เริ่มเต้นแรงและรัวจนคุมไม่อยู่ นอนเหงื่อแตกทุกคืน ตื่นมาอาบน้ำก็แทบไม่ไหว วันไหนลุกจนไปสระผมได้กลับมาก็นอนปวดหัวต่ออีก
ผมรู้สึกทรมานแบบจะตายให้ได้ แต่ไม่ตายหรอก..มั้ง?
ตอนที่ผ่านมาได้ประมาณ 1 สัปดาห์ ไข้เริ่มหายไป เครื่องวัดอุณหภูมิยอมโชว์สีเขียวให้เห็นเป็นครั้งแรก ผมเริ่มปรับตัวกับสภาพแวดล้อมได้แม้จะหดหู่สุด ๆ กับความเงียบและวิวที่มีแต่กำแพงอาคารฝั่งตรงข้ามของโรงพยาบาล ไม่มีอะไรในโลกจริงที่ขยับได้เลยในทัศนวิสัยของผม แม้แต่ก้อนเมฆ แต่อย่างน้อยตัวผมเองก็เริ่มขยับได้ และทุกอย่างที่ขยับอยู่ในจินตนาการของผมเริ่มหายไป
ผมพยายามแม้กระทั่งเอนเตอร์เทนตัวเองด้วยเกมโง่ ๆ เช่น วันนี้เมนูอาหารจะเป็นอะไร ยาจะมีสีอะไรบ้าง เพราะถึงจะจำทั้งหมดไม่ไหวแต่ก็สังเกตว่าหน้าตามันไมไ่ด้เหมือนเดิมทุกมื้อ แล้วพอเริ่มนั่งเล่นโทรศัพท์ได้นาน ๆ ผมก็เริ่มมานั่งเปิดซีรีส์ดู
แต่เมื่อผมเริ่มหลงระเริงว่าทุกอย่างกำลังจะเข้าที่เข้าทาง ผมกำลังจะหาย ก็เป็นวันที่ผมได้รับสายโทรศัพท์ภายในจากคุณหมอสมภพ
“คุณอริญ จากผลเอ็กซเรย์ล่าสุด ตอนนี้เชื้อมันลงไปที่ปอดคุณแล้วนะครับ”
ถ้าจะมีตอนไหนที่ผมรู้สึกว่าตัวเองแม่งเข้าใกล้ความตายที่สุด ก็น่าจะต้องเป็นตอนนี้แหละ
ตัว-ตัว กับโควิด EP.3 ขังเดี่ยว
1/6/2568
ขอ Write นะครับ

9 ครั้ง
📖 อ่านเป็นซีรีส์ได้


เขียนโดย ขอ Write นะครับ
มีเรื่องอยากเขียนเยอะแยะเต็มไปหมด มีพื้นที่แล้วก็ ขอ Write หน่อยนะครับ