
กลิ่นอาย บรรยากาศ สายตายังคงฉายภาพเดิมซ้ำๆ
เฟื่องฟ้าต้นน้อยในกระถางลายมังกร
อีกฝั่งวางต้นทับทิมช่วยขจัดสิ่งชั่วร้าย
ทว่าดินแห้งเหือด ใบไม้บนต้นกลับกองอยู่ข้างกระถางทั้งสอง
รั้วตะแกรงเหล็กดัดขึ้นสนิมของตึกแถวหลังนี้ ยังคงมีเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้นทุกครั้งที่เปิด
เวลาเดินพร้อมเอาทุกสิ่งไปข้างหน้า มิอาจให้สิ่งใดเดินถอยคืนมา
ภายในยังคงเดิม
หากแต่มีฝุ่นหนารวมตัวจับสิ่งของทุกซอกทุกมุม
ตี่จู่เอี้ยสีแดงหันหน้าออกทางประตู คอยปกป้องคุมครองดูแลบ้าน
พร้อมทั้งหิ้งพระที่วางเจ้าแม่กวนอิมไว้เหนือหัว
อีกฟากของกำแพงมีกระถางธูปพร้อมรูปถ่าย
โทรทัศน์จอนูนในห้องนั่งเล่นพร้อมผ้าคลุมไหมพรมลายดอก
โซฟาไม้ตัวใหญ่ที่ระบุไม่ได้ว่าคือเตียงหรือเก้าอี้
โต๊ะไม้วงกลมในห้องครัว
เตาถ่านและกาน้ำร้อนสังกะสี
หลังปัดเป่าเช็ดถูสิ่งของที่อยู่ภายในอย่างสะอาดสะอ้าน
กาน้ำที่ถูกไฟแผดเผา เริ่มส่งเสียงแหลมสูง
น้ำร้อนถูกถ่ายเทสู่ ถ้วยชาที่เรียงราย
ไฟสีแดงดวงเล็กถูกเปิดข้างเทพเจ้าทุกองค์
จุดธูปพร้อมสักการะตามลำดับ
ไออุ่นจากชาในถ้วย
ควันธูปล่องลอย แพร่ขยายกลิ่นอบอวลทั่วตัวบ้าน
สายตายังคงฉายภาพเดิมเหมือนเมื่อครั้งเยาว์วัย
มือพลางหยิบโทรศัพท์มือถือ
ปลดล็อก ถ่ายรูป พร้อมเข้าแอพหนึ่ง
“ฮัลโหลอาม่า”
ปลายเสียงยังไม่มีการตอบรับ
“นี่เคนเอง”
“อาเคง เองหรอ ลื้อเป็นยางไงบ้าง สบายดีลื้อป่าว”
ปลายเสียงขานรับเสียงสูงด้วยความดีใจ
ขณะที่ต้นเสียงยิ้มรับด้วยความคิดถึง
“เคนสบายดีอาม่า วันนี้เคนมาทำความสะอาดบ้านให้อาม่าน่ะ สกปรกมากเลย เห็นนี่มั้ย สะอาดขึ้นเยอะแล้ว”
พลางส่งรูปให้เสียงปลายสายได้รับชม
“อั๊วมองไม่เห็งหรอก”
ปลายเสียงเงียบไป พร้อมคำสะอึกที่พูดไม่ออกของฝ่ายถาม
“แต่ขอบใจลื้อมากนะ”
“ไม่เป็นไรๆ แล้วอาม่าล่ะเป็นยังไงสบายดีมั้ย ตรงนั้นอากาศหนาวมั้ย เหงาบ้างรึป่าว”
“อั๊วสบายดี อยู่ตรงนี้ลื้อไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก มีคงอยู่เป็นเพื่อนอั๊วเยอะแยะ อากาศก็ดีเย็งสบายไม่ร้องไม่หนาว”
“ขาดเหลืออะไรอาม่ามาบอกเคนบ้างก็ได้นะ”
“ได้เลยไว้อั๊วจะไปบอกนะ”
ความคิดถึงเอ่อล้นเกินคำบรรยาย
ปลายเสียงเงียบ ไร้การตอบรับใดๆ
ความรู้สึกต้องการสนทนากับปลายสายมากขึ้นเกินปกติ
“อาม่า อาม่าจำตอนเคนเกิดได้มั้ย”
“จำด้ายสิ อั๊วจามด้าย ตอนลื้อเด็กๆอากงเค้าดีใจมากเลยนะ เพราะลื้อเป็นหลางชายคงแรกของตระกูง เห่อลื้อไม่หยุด”
ยิ้มแห้งตอบรับด้วยความเคยชินกับวัฒนธรรมของคนเชื้อสายจีน
“แล้วอาม่าไม่ดีใจหรอ”
“ดีใจสิ ดีจาย แต่ไม่ใช่เพราะลื้อเป็นผู้ชาย แต่เพราะลื้อตัวอ้วงน่ารักน่าเอ็งดู”
เสียงหัวเราะเบาๆจากทั้งสองฝั่งดังขึ้น
“เคนอ้วนขนาดนั้นเลยหรออาม่า”
“ตองนั่งน่ะ ลื้อน่ะอ้วนมากๆ ม๊าลื้อมาบ่นกะอั๊วตลอด ว่าคลอดลื้อน่ะลำบากไม่เหมือนพี่สาวลื้อ ขนาดอากงลื้อยังอุ้มลื้อละบ่นเมื่อยแขงตลอดเลย แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าลื้อรูปร่างหน้าตาเป็นยังไงบ้างแล้ว”
“เคนโตขึ้นเยอะแล้วอาม่า”
ปลายสายไร้การตอบรับกลับ ก่อนจะเอ่ยต่อ
“แต่จริงๆแล้ว อีกเหตุผลที่อั๊วดีใจที่ลื้อได้เกิดมา เพราะว่าม๊าลื้อจะได้หลุดพ้นจากความกดดังและการดูถูก”
“หื้ม ยังไงอะอาม่า”
“ก็อากงลื้อและฝั่งบ้านอาป๊าลื้อน่ะ ต่างก็อยากอุ้มหลางชายมากกว่าหลางสาว ม๊าลื้อเลยต้องแบกรับถ้อยคำจากอากงและคงอื่งๆ อั๊วเคยโดนมาก่อน อั๊วเข้าใจแม่ลื้อ”
ปลายเสียงเงียบลงสักพักก่อนเอ่ยต่อ
“ลื้อน่ะคือตัวนำโชค นำสิ่งดีๆมาให้กะม๊าลื้อ แล้วก็กะครอบครัวเราเสมอ”
มุมปากยิ้มอย่างเข้าใจและยอมรับวัฒนธรรมของเชื้อสายตน
“พูดแล้วก็คิดถึงตอนลื้อเด็กๆ ชอบให้อั๊วอุ้มบ่อยๆ ขี้อ้อง แถมยังขี้กลัวอีก เวลามานอนบ้านอั๊วทีไร ต้องให้อั๊วกล่อมนอนทุกที พอโตขึ้นมาหน่อยก็ขี้บ่ง เถียงอั๊วอยู่เรื่อย แล้วก็ยังเป็นอาอ้วงกินไม่หยุด เวลาลื้อกิงทีไรอั๊วตอนเช็ดปากให้ตลอด”
“โหอาม่า เคนไม่เหลือเรื่องดีแล้วมั้งเนี่ย”
“ลื้อก็ยังมีหน้าตาที่ดีอยู่”
ปลายสายเอ่ยด้วยเสียงขึ้นสูงหยอกล้อทีเล่นทีจริง
ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของยายหลานอีกครา
“แล้วอาม่าได้เจออากงกับม๊าบ้างรึป่าว”
“อั๊วเจออากงลื้อบ้าง ส่วนม๊าลื้ออั๊วก็ไปหาบ่อยๆ”
“ม๊าบ่นคิดถึงอาม่าบ่อยเลยนะ ม๊าคิดถึงอาม่ามากๆ”
“บอกม๊าลื้อให้ดูแลตัวเองบ้างได้แล้วหน่า อย่าห่วงแต่คงอื่ง คิดถึงตัวเองบ้าง อั๊วก็ไปบอกตั้งหลายทีแล้ว ไม่เคยจำเลย แย่จริงๆไอลูกคงนี้นิ”
“ไว้เคนจะบอกม๊าให้นะ”
ต้นทางพยักหน้าด้วยความเคยชินเป็นการตอบรับ
“อาม่า เคนมีเรื่องสำคัญจะบอก”
“อะราย ลื้อจะบอกอะไรกับอั๊ว”
“เคนจะแต่งงานแล้วนะอาม่า”
“อั๊ย…หยา หยา หละ หลางอั๊วไปหลอกใครเข้าให้แล้วเนียะ เนี่ย”
ปลายสายเสียงกระตุก หากแต่ต้นสายไม่สนใจ
“โห พูดแบบนี้เคนเสียหายหมด”
“ก็ลื้อทั้งกิงเก่ง ขี้กลัว แถมยังขี้บ่งอีกตังหาก จากอาหนุ่มตี๋ตัวอ้วงวันนั้น วังนี้มังจาแต่งเมียสะแล้ว”
“เคนไม่ได้หลอก เป็นเพราะว่าหลานอาม่าหน้าตาดีต่างหาก”
“อั๊วชมเข้าหน่อย เอาใหญ่เลยนะ”
ต้นเสียงยิ้มรับและหัวเราะอีกครั้ง ก่อนหางตาบนใบหน้าจะเริ่มคล้อยตกลงมา
“เคนอยากให้อาม่ามางานแต่งเคนนะ”
น้ำเสียงต่ำลงพร้อมอาการสั่นไหว
“อั๊วไปไม่ได้แล้ว ลื้อก็รู้”
“เคนรู้ แต่เคนแค่อยากให้อาม่าอยู่ในงาน เคนอยากให้อาม่าได้เห็นเรื่องน่ายินดีของเคนบ้าง”
“อาเคงเอ้ย กาลเวลาผังเปลี่ยงไปแล้ว ถึงอั้วจะอยู่ตรงนี้ แต่ภายในใจของลื้อเองก็มีอั้วอยู่ในนั้นเสมอ แม้อั๊วจะไม่เห็งแล้ว แต่อั๊วก็สัมผัสและรับรู้ในทุกการกระทำของลื้อ”
ต่างรับรู้ถึงความรู้สึกของกันและกัน
“เรื่องน่ายิงดีที่สุดของอั๊ว คือการที่ลื้อเกิดมา นั่งคือเรื่องน่ายิงดีที่สุดแล้ว”
หยาดน้ำเอ่อนองเต็มขอบดวงตา
ความรู้สึกที่อัดอั้น
ล้นทะลักและพรั่งพรู
เหลือเวลาต่อบทสนทนาอีกเพียงครู่
ลึกสุดในจิตใจยังคงค้างคา
ความรู้สึกในวันสุดท้ายก็หวนคืน
“วันนั้นเคนไปส่งอาม่าไม่ทัน เคนไม่มีโอกาสบอกลาอาม่า เคนขอโทษ”
“ลื้อก็มีหน้าที่ มีชีวิตที่ลื้อต้องรับผิดชอบ อั๊วก็มีชีวิตของอั๊ว
ชีวิตอั๊วมาได้เท่านี้ อย่าให้ชีวิตของอั๊วส่งผลไม่ดีต่ออนาคตของลื้อเลย”
“แต่..”
ภายในตึกแถวที่ปิดทึบ
สายลมกลับพาพัดอยู่รอบตัว ราวกับคำขานตอบว่า
“ไม่เป็นไร”
หยาดน้ำบนใบหน้าค่อยๆไหลอย่างช้าๆ
ได้เพียงหวนถึงความทรงจำดีๆในวันที่ลาจาก
“เคนคิดถึงอาม่ามากๆ เลยนะ”
“อั๊วก็คิดถึงลื้อ”
สัมผัสจากสายลมโอบล้อม เข้าสวมกอดแน่นสนิท
ลมบางๆพัดแตะที่หัวเพียงเบาๆ
กลิ่นธูปเริ่มจางหาย
ความเย็นถ่ายเทสู่ถ้วยชา
เสียงปลายสายหายไป
ทดแทนด้วยเสียงแจ้งเตือนที่ดังขึ้น
เตือนให้สมัครแพ็กเกจAIเพิ่มเติม
แหงนหน้ามองกำแพง
รูปภาพอีกฝั่งของเจ้าแม่กวนอิม
ยังคงยิ้ม
รับรู้และรู้สึกในจิตใจ
พลางกดตกลงจ่ายแพ็จเกจ
“ไว้เคนจะมาคุยด้วยใหม่นะ”
“อาม่า”

เขียนโดยEMAG
เจ้าของเพจรีวิวหนังสือ Ireadthisbook เจ้าของนามปากกา EMAG Gamekung G_812 ผมชอบกินเกาเหลา และอื่นๆอีกมากมาย